เรื่องย่อ Stranger Things 3-4 ความทรงจำเกี่ยวกับเนื้อเรื่องของซีซั่นที่ 3-4 ของใครหลายคนอาจเริ่มเลือนราง เราจะมาติวเข้ม Stranger Things สรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในซีซั่นที่ 3-4 แบบย่อ netflix movie และไม่ตัดสลับให้งง มาเตรียมความพร้อมก่อนไปเริ่มดูซีซั่น 4 แบบไร้รอยต่อกันในวันพรุ่งนี้ ซีรี่ สเตรนเจอร์ ธิงส์
Season 3
ซีซั่นที่ 3 เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลังจากงานเต้นรำได้หนึ่งปี กลุ่มเด็กวัยรุ่นโตเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน ส่วนเด็กๆ ก็เริ่มแตกเนื้อหนุ่มสาว เรื่องราวในซีซั่นนี้จะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละครทุกวัย แต่ก็ยังคงมีเรื่องลึกลับอยู่ เมื่อห้างสตาร์คอร์ตแสนอลังการมาเปิดในเมือง แต่ภายใต้ห้างนั้นมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
กลุ่มเด็กๆ เริ่มโตเป็นวัยรุ่นและหัดมีความรัก ทั้งไมค์กับแอล และลูคัสกับแม็กซ์ ส่วนกลุ่มเด็กวัยรุ่นก็เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยแห่งการทำงาน แนนซี่กับโจนาธานเข้าฝึกงานที่บริษัทหนังสือพิมพ์ด้วยกัน
เรื่องราวเริ่มแปลกขึ้นเมื่อดัสตินกลับมาจากไปค่ายวิทยาศาสตร์พร้อมกับเครื่องรับสัญญาณวิทยุที่สามารถคุยกับซูซี่ แฟนของเขาได้ แต่ไม่มีใครเชื่อว่าดัสตินมีแฟนจริงๆ ระหว่างที่พยายามติดต่อกับซูซี่ ดัสตินก็ได้ยินเสียงประหลาดที่เป็นภาษารัสเซียออกมาจากเครื่อง
ดัสตินตัดสินใจบอกเรื่องภาษารัสเซียที่เขาได้ยินกับสตีฟที่ทำงานอยู่ในร้านไอศกรีมที่ห้างสตาร์คอร์ต ในร้านไอศกรีมมีเด็กสาวชื่อ โรบิน ทำงานอยู่ด้วย พวกเขาช่วยกันถอดรหัสภาษารัสเซียนั้น และพบว่ามันเป็นการส่งสัญญาณของทหารรัสเซีย ที่บอกทางไปยังโกดังของห้าง ดัสติน สตีฟ โรบิน ได้เอริกา น้องสาวของลูคัส เข้ามาร่วมทีมการเสาะหาความจริงเบื้องหลังห้างสตาร์คอร์ต พวกเขาแอบเข้าไปในโกดังและค้นพบว่ามีฐานทัพอยู่จริง
เรื่องราวยังซับซ้อนขึ้นอีกเมื่อบิลลี่ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ในเมืองตอนกลางคืน เมื่อลงมาดูรถก็พบกับเมือกประหลาด ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน เขาก้าวร้าวขึ้นและดูไม่มีชีวิตจิตใจเลย ส่วนแนนซี่กับโจนาธานพบกับโรคระบาดในหนู ที่ทำให้หนูก้าวร้าวและระเบิดกลายเป็นเมือกเช่นกัน ทางด้านจอยซ์ก็พบว่าแม่เหล็กในร้านที่เธอทำงานอยู่แปลกไป มันดูเหมือนจะดึงดูดเข้าสู่พื้นโลก
จอยซ์พบว่าปรากฏการณ์แม่เหล็กประหลาดนั้นเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์อะไรบางอย่างในห้องทดลอง และได้รู้ความจริงว่าห้างสตาร์คอร์ตนั้นเป็นเพียงการบังหน้า สิ่งอยู่ภายในห้างจริงๆ คือฐานทัพของทหารรัสเซียต่างหาก นอกจากนั้นฮอปเปอร์กับจอยซ์เจอห้องทดลองลับของฝั่งรัสเซีย ระหว่างที่หนีการไล่ล่าออกมา พวกเขาได้พา อเล็กซี่ ชาวรัสเซียคนหนึ่งจากห้องทดลองนั้นออกมาด้วย ซึ่งอเล็กซี่บอกพวกเขาว่าฝั่งรัสเซียกำลังพยายามจะเปิดประตูมิติสู่ Upside Down ใต้ห้างสตาร์คอร์ต
แนนซี่และโจนาธานสืบเบาะแสเรื่องโรคระบาดในหนูจนได้เจอกับคุณนายดริสครอลล์ที่พอจะรู้อะไรบ้าง แต่พวกเขาก็ถูกไล่ออกจากบริษัทหนังสือพิมพ์เพราะหัวหน้าของพวกเขาคิดว่าเรื่องนี้ทำให้คุณนายดริสครอลล์เดือดร้อน แนนซี่กับโจนาธานทะเลาะกัน จนแนนซี่ตัดสินใจว่าจะสืบต่อด้วยตัวเอง จนพบว่าโรคระบาดจากหนูนั้นติดต่อไปสู่คุณนายดริสคอลล์ ทำให้เธอมีอาการเหมือนวิลเมื่อครั้งที่เขาถูกเข้าสิงเลย
แม็กซ์และแอลพยายามหาเบาะแสเกี่ยวกับบิลลี่ที่ก้าวร้าวกว่าปกติ ก็พบว่า วิลคิดว่า Mind Flayer จะต้องอยู่ในร่างของบิลลี่แน่ เลยหลอกล่อให้เขาเข้าไปอยู่ในห้องซาวน่าเพื่อไล่มันออกไปเหมือนที่เคยทำในครั้งที่แล้ว แต่ไม่เป็นผล บิลลี่ทะลวงห้องออกมาและหนีกลับไปยังที่ซ่อนของตัวเองได้ ซึ่งที่ซ่อนของบิลลี่ในตอนนี้เต็มไปด้วยชาวเมืองฮอว์กินส์ที่ถูกเข้าสิง
ทางด้านแนนซี่และโจนาธานปรับความเข้าใจกัน ตัดสินใจไปหาเบาะแสเพิ่มเติมที่โรงพยาบาล แต่ก็ถูกโจมตีโดยชาวเมืองที่ถูกเข้าสิง แอลสู้กับ Mind Flayer และบิลลี่ จนได้รับบาดเจ็บที่ขา และสูญเสียพลังพิเศษไปในภายหลัง พร้อมกับค้นพบว่า Mind Flayer ต้องการที่จะฆ่าเธอเพื่อแก้แค้นที่เธอปิดประตูมิติ
หลังจากนั้นทุกคนได้มารวมตัวกันที่ห้างสตาร์คอร์ตเพื่อหาทางกู้เมืองนี้จากฝ่ายรัสเซียให้ได้ แอลดึงชิ้นส่วนของ Mind Flayer ออกมาจากขาตัวเอง กลุ่มเด็กๆ ร่วมมือกันสู้กับ Mind Flayer แอลดึงสติของบิลลี่กลับมาได้ และเมื่อบิลลี่ได้สติ เขาก็เสียสละตัวเองเพื่อปกป้องทุกคน ส่วนจอยซ์และฮอปเปอร์รับหน้าที่ปิดเครื่องเปิดประตูมิติ แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อเหตุการณ์พลิกผันทำให้ฮอปเปอร์ติดอยู่ในห้องเครื่อง และจอยซ์ต้องตัดสินใจระเบิดเครื่องทิ้งไปทั้งที่ฮอปเปอร์ยังอยู่ในนั้น
สามเดือนหลังจากนั้น ห้างสตาร์คอร์ตก็ถูกทำลายลง ความสงบกลับมาเยือนเมืองฮอว์กินส์อีกครั้ง และทุกคนก็ต้องแยกย้ายกันไปเติบโต แอลย้ายบ้านไปอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย แต่เรื่องก็ยังไม่จบง่ายๆ เมื่อช่วงสุดท้ายเป็นภาพของฝ่ายรัสเซียที่มีเดโมกอร์กอนในครอบครอง และฮอปเปอร์ยังมีชีวิตอยู่
Season 4
เรื่องราวของซีซั่นที่ 4 จะเกิดขึ้นหกเดือนหลังซีซั่นที่ 3 เด็กๆ กำลังอยู่ในชั้นมัธยมปลาย และกำลังก้าวเข้าสู่ชีวิตวัยรุ่น แต่แล้วเหตุการณ์ปริศนาก็เกิดขึ้นที่เมืองฮอว์กินส์อีกครั้ง พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเรื่องเหนือธรรมชาติครั้งใหม่ ในขณะที่แอลยังไร้พลัง ส่วนฮอปเปอร์ยังคงดิ้นรนหลบหนีจากการเป็นนักโทษในประเทศรัสเซีย